อย่างที่เรารู้กันดีว่า ตัวเลขมีอยู่ในหลากหลายแหล่งข้อมูล ณ ปัจจุบัน หรือที่เรียกกันว่า Big data ซึ่งบางตัวเลขเป็นข้อมูลเปิดที่หาได้ไม่ยากโดยการเสิร์ชผ่านออนไลน์ บางตัวเลขเป็นการเก็บข้อมูลจากสำมะโนประชากรโดยภาครัฐ ส่วนภาคเอกชนอาจจะเก็บผลสำรวจจากการวิจัย การเก็บข้อมูลง่ายขึ้นในยุคดิจิทัล เช่นการเก็บรวบรวมข้อมูลประชากรจากบัญชีลูกค้าหรือคำสั่งซื้อ เก็บจากพฤติกรรมผู้บริโภคจากการเข้าแพล็ตฟอร์ม ออนไลน์ แอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ในคุกกี้เบราว์เซอร์ แต่อาจจะมีธุรกิจไม่มากที่เอาตัวเลขมาวิเคราะห์เพื่อต่อยอดธุรกิจ และขยายมุมมองเพื่อทำให้ธุรกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้น ข้อมูลประชากรเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์การทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ทำให้เราสามารถหารายละเอียดการแบ่งกลุ่มลูกค้าตามคุณลักษณะเฉพาะและความต้องการได้ เพื่อให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของเรามากที่สุด วันนี้ เราขอเอาตัวอย่างตัวเลขของประชากรของปี 2563 ในประเทศไทยที่ทางกระทรวงมหาดไทยเพิ่งประกาศอย่างเป็นทางการ มาลองวิเคราะห์ดูว่าทำอะไรได้บ้าง
เหตุใดข้อมูลประชากรจึงมีความสำคัญต่อการทำธุรกิจ
Sales Forecasting/Area Sales Forecasting ในการทำแผนธุรกิจ ใช้ในการวิเคราะห์หาโอกาสทางด้านการตลาด ธุรกิจจะสร้างรายได้อย่างไร การหาตลาดเป้าหมายสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการของแต่ละธุรกิจที่ต่างกันออกไป ข้อมูลประชากรสามารถช่วยระบุได้ การหาสัดส่วนของประชากรในแต่ละจังหวัด ถ้าเป็นสินค้าที่ใช้ได้กับทุกคนโดยที่ยังไม่ได้คำนึงถึงเรื่องของเพศ อายุ หรือรายได้ เราจะสามารถวิเคราะห์ยอดขายในจังหวัดนั้นได้ โดยการคำนวณยอดขายรวมทั้งประเทศที่เราตั้งไว้ x สัดส่วนประชากร เป็นต้น ทั้งนี้สามารถวิเคราะห์ปรับตามความเป็นไปได้ เช่น ถ้ามีข้อมูลแยกตามผู้หญิง ผู้ชาย และกลุ่มของอายุ รายได้ก็สามารถปรับใช้ได้ในการคำนวณ นอกจากนี้การดูเปอร์เซ็นต์ของการเติบโตของประชากรในแต่ละจังหวัด หรือแยกดูรายละเอียดเพิ่มเติมของอายุก็สามารถบอก Trend ที่น่าสนใจที่จะเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายของคุณได้
Gap Analysis การวิเคราะห์ช่องโอกาสเพิ่มเติม โดยการใช้สัดส่วนของยอดขายในจังหวัดหรือเขตนั้น ๆ แบบเทียบกับสัดส่วนประชากรในจังหวัดหรือเขตนั้น ๆ เช่น ยอดขายของเราในจังหวัดอยุธยาเป็น 1 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายทั่วประเทศ ในขณะที่สัดส่วนของประชากรในจังหวัดอยุธยามี 1.24 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับยอดขายในอยุธยามีค่าเท่ากับ 0.8 หรือ 80 เปอร์เซ็นต์ ยังมีช่องว่างที่บริษัทสามารถหาทางที่จะเพิ่มยอดขายในอยุธยาได้เป็นต้น ในการเปรียบเทียบแบบนี้สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จาก BDI(Brand development index)
Marketing Expenditure การใช้ข้อมูลสัดส่วนของประชากรเพื่อปรับแต่งงบประมาณการตลาดและตัดสินใจลงทุนที่ตรงเป้าหมายมากขึ้นได้ งบประมาณในการใช้สื่อจากข้อมูลประชากรศาสตร์ การใช้งบประมาณกับสื่อโซเชียลมีเดียแบบระบุกลุ่ม จังหวัด อายุ รวมทั้งการวางงบโฆษณาในท้องถิ่น
Market Research การแบ่งงานการวิจัยตลาดตามข้อมูลประชากรสามารถทำให้ระบุกลุ่มย่อยของผู้บริโภคได้
ถึงแม้ในที่นี้เราจะยกตัวอย่างมาแค่จำนวนประชากร แยกเพศมาในแต่ละจังหวัด แต่ในการหากลุ่มเป้าหมายในธุรกิจของคุณก็สามารถหาเสิร์ชข้อมูลเพิ่มเติมอื่น ๆ ได้เช่น กลุ่มอายุ เพศ เชื้อชาติ ที่อยู่ สถานภาพการสมรส ระดับการศึกษา อาชีพ ระดับรายได้เพื่อประกอบการวิเคราะห์เพิ่มเติม อย่างไรก็ตามการหาจำนวนประชากรนี้อาจเป็นการขายในระดับ B2C (business to consumer) หรือกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้บริโภคโดยตรง ถ้ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณเป็นอุตสาหกรรม หรือภาคธุรกิจ การทำ B2B (business to business) ก็อาจปรับการใช้ข้อมูลของกลุ่มประเภทธุรกิจนั้น ๆ ขนาดของธุรกิจหรือบริษัทกลุ่มเป้าหมาย และความต้องการในสินค้า ดังนั้นความเข้าใจในการใช้ตัวเลขข้อมูลพื้นฐานสามารถปรับตามการวิเคราะห์ได้
ข้อมูลประชากรทั้งหมดเหล่านี้สะท้อนถึงคุณสมบัติพื้นฐานที่สามารถใช้เพื่อกำหนดกลุ่มตลาดที่กลุ่มเป้าหมายของคุณดีที่สุด ไม่ว่าคุณจะใช้สำหรับธุรกิจออนไลน์ หรือออฟไลน์ การแบ่งส่วนข้อมูลประชากรช่วยให้คุณแบ่งตลาดเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้นออกเป็นกลุ่มย่อยที่เล็กลง เป็นวิธีการวิเคราะห์แบบหนึ่งจากการใช้ข้อมูลสำหรับกลยุทธ์ทางธุรกิจให้มีประสิทธิภาพและชาญฉลาดมากขึ้น
เขียนโดย ดร.สุวรรณา ก่อวัฒนกุล
แหล่งข้อมูล
ข้อมูลทั่วไปด้านประชากร – BOI : The Board of Investment of …https://www.boi.go.th
https://stat.bora.dopa.go.th
https://blog.euromonitor.com/using-population-data-enhance-business-strategy/30.7.2021
https://www.businessnewsdaily.com/15779-small-business-marketing-demographics.html